วันที่ 2 ของการไปเยือนมาเลเซียครั้งแรก ช่วงเช้ายังคงอยู่ที่เมืองมะละกา ช่วงบ่ายๆ ถึงค่อยเดินทางไปเมืองหลวง กัวลาลัมเปอร์ ครับ
วันที่เดินทาง : 24-27/08/2013
ช่วงเช้า ออกเดินเล่นชมอาคารบ้านเรือนเมืองมะละกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุเกส
สี่แยกใกล้โรงแรมที่พัก Hangout @ Jonker จะมีร้านข้าวมันไก่ลูกบอล ชื่อ Chung Wah Chicken Rice Ball ร้านนี้ดังมาก ในเมืองมะละกา ช่วงเช้าๆ ที่ร้านยังไม่เปิด ก็มีคนมาเข้าคิว เพื่อรอทานกันแต่เช้าเลย
อาคารบ้านเรือนแบบชิโน-โปรตุเกส เป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมโปรตุเกสและจีน ซึ่งการก่อสร้างบ้านเรือนในรูปแบบนี้ได้แพร่หลายไปยังดินแดนต่างๆ ในแหลมมลายู สามารถพบเห็นได้หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองมะละกา เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือมาเก๊า รวมถึง ภูเก็ต ประเทศไทยด้วย
Sri Poyyatha Vinayaga Moorthy Temple (วัดศรีโพยาธาวินยากามูรติ) เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุด ในมาเลเซีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1781 ภายในประดิษฐานพระพิฆเนศวร และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวฮินดูในมะละกา
บรรยากาศเมืองมะละกา ยามเช้า ขณะเดินไป มัสยิดกัมปุงคลิง (Kampung Kling Mosque)
Kampung Kling Mosque (มัสยิดกัมปุงคลิง) มัสยิดเก่าแก่แห่งหนึ่งในเมืองมะละกา มีความแตกต่างจากมัสยิดทั่วไป เพราะเป็นมัสยิดที่ไม่มียอดโดม แต่กลับสร้างแบบมีหลังคาทรงพีระมิดตามแบบสถาปัตยกรรมชวา สร้างเมื่อสมัยศตวรรษที่ 17 เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมสุมาตรากับตะวันตก มัสยิดแห่งนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับ Sri Poyyatha Vinayaga Moorthy Temple (วัดศรีโพยาธาวินยากามูรติ)
เดินชมอาคารบ้านเรือนแบบชิโน-โปรตุเกส ไปเรื่อยๆ เพื่อไปชมวัดจีน ในเมืองมะละกา
Cheng Hoon Teng Temple (วัดเช็งฮุนเต็ง) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1646 ในแต่ละวัน จะมีชาวมาเลย์เชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก เข้ามานมัสการเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู และเหล่าเทพเจ้าในศาลเจ้าแห่งนี้ ปัจจุบันได้มีการก่อสร้างขยายไปอีกฟากฝั่งถนน เป็นศาลเจ้าหินอ่อนขนาดใหญ่ 2 ชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาวที่อัญเชิญมาจากประเทศพม่า
อาคารนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ Cheng Hoon Teng Temple จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัววัด
Jonker Harmony Heritage Vacation Home 1 ที่พักแบบเท่ๆ ในเมืองมะละกา (ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ แต่เท่าที่หาข้อมูลใน Internet พบว่าเป็นอย่างนั้น) โดยที่พักนี้ จะอยู่ใกล้ๆกับ วัดเช็งฮุนเต็ง (Cheng Hoon Teng Temple)
Xiang Lin Si Temple เป็นวัดจีนอีกแห่งหนึ่ง ในเมืองมะละกา ดูใหม่ และใหญ่กว่า ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ วัดเช็งฮุนเต็ง (Cheng Hoon Teng Temple) อีกด้วย แต่วัดนี้ คนไม่ค่อยเย่อะเหมือนกับ วัดเช็งฮุนเต็ง (Cheng Hoon Teng Temple)
ศิลปะบนผนังอาคารบ้านเรือน ระหว่างทางเดินเล่นชมเมืองมะละกา
บรรยากาศเมืองมะละกา ยามเช้า ดูค่อนข้างเงียบๆ ยังไม่คึกคัก เดินชมอาคารสวยๆ กันแบบชิลๆ คนไม่เย่อะเลย ระหว่างทางเดินไป มัสยิดกัมปุงฮูลู (Kampung Hulu Mosque)
Kampung Hulu Mosque (มัสยิดกัมปุงฮูลู) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1728 มีความแตกต่างจากมัสยิดทั่วไป เพราะเป็นมัสยิดที่ไม่มียอดโดม แต่กลับสร้างแบบมีหลังคาทรงพีระมิดตามแบบสถาปัตยกรรมชวา ภายในมีสระน้ำวุฎูอ์ ที่เป็นสถานที่ซึ่งชาวมุสลิมใช้ชำระมือ ปาก จมูก ใบหน้า แขน ศีรษะ หู และเท้าก่อนทำละหมาด ช่วงที่ไป อยู่ระหว่างการซ่อมแซมครับ
หลังจากนั้น เดินเข้ามาทางถนนคนเดินยองเกอร์ ผ่าน Taman Warisan Dunia Jonker Walk ข้างในจะมีรูปปั้นนักเพาะกายชาวมาเลเซีย DATUK WIRA DR. GAN BOON LEONG หรือ The father of bodybuilders in Malaysia
บรรยากาศ ถนนคนเดินยองเกอร์ (Jonker Walk) ในตอนเช้า ค่อนข้างจะเงียบสงบ แตกต่างจากช่วงเย็น ที่ค่อนข้างจะคึกคักมาก โดยจะพบเห็นอาคารบ้านเรือนแบบชิโน-โปรตุเกส อยู่ทั่วๆไป
Kwan Im Temple บนถนนคนเดินยองเกอร์ (Jonker Walk)
ร้าน The Geographer Cafe ที่ ถนนคนเดินยองเกอร์ (Jonker Walk) ร้านอาหารชิลๆ ตอนเย็นๆ ซึ่งจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
เดินเข้ามาซอยข้างๆ ร้าน The Geographer Cafe ในตอนเช้าๆ จะมีการตั้งร้านขายของทั่วๆไป มีทั้งของเก่าบ้าง ของใหม่บ้าง
เดินทะลุซอยข้างร้าน The Geographer Cafe มาจนถึงถนน Tun Tan Cheng Lock (ถนนสายศิลปะชิโน-โปรตุเกส) ซึ่งเป็นถนนที่ขนานกับถนนคนเดินยองเกอร์ (Jonker Walk) ถนนสายนี้จะมีอาคารบ้านเรือนเป็นแบบชิโน-โปรตุเกส เป็นส่วนใหญ่
Hotel Puri เป็นโรงแรม ที่มีสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุเกส ตั้งอยู่บนถนน Tun Tan Cheng Lock (ถนนสายศิลปะชิโน-โปรตุเกส)
บ้านคหบดี อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Hotel Puri
อาคารบ้านเรือนแบบชิโน-โปรตุเกส บนถนน Tun Tan Cheng Lock (ถนนสายศิลปะชิโน-โปรตุเกส)
เดินมาสุดถนน Tun Tan Cheng Lock (ถนนสายศิลปะชิโน-โปรตุเกส) ก็จะเจอ Kincir Air Kesultanan Melayu Melaka กังหันลม ที่ถูกสร้างโดยสุลต่านของเมืองมะละกา อยู่ฝั่งตรงข้าม ริมแม่น้ำมะละกา
เดินออกมาทาง ต้นถนนยองเกอร์ ผ่านโรงแรมที่พัก เลี้ยวออกไปทางขวามือ จะเจอ Hard Rock Cafe เมืองมะละกา ติดกันจะเป็นร้าน Chung Wah Chicken Rice Ball ร้านข้าวมันไก่ลูกบอลเจ้าดัง ของเมืองมะละกา
บรรยากาศแม่น้ำมะละกา ในตอนเช้า อาคารบ้านเรือนแบบเก่าๆ ริมแม่น้ำมะละกา
ป้าย “WELCOME TO MELAKA World Heritage City” กับ โบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ (Church of St. Francis Xanvier) ริมแม่น้ำมะละกา
แม่น้ำมะละกาในช่วงเช้า กับ สะพาน Jambatan KG.Jawa ซึ่งเป็นสะพานสีชมพู หวานแว๋วมาก
เรือท่องเที่ยวล่องชมแม่น้ำมะละกา จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถลงเรือได้ที่ท่าใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์การเดินเรือ (Manitime Museum) ค่าบริการคนละ 17 ริงกิต
บ้านเรือน หรือ ร้านค้า ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมะละกา จะมีการทาสีผนังกันอย่างสวยงาม
จุดถ่ายรูป แต่ก็ไม่รู้ว่า คืออะไรนะครับ
เดินเลียบแม่น้ำมะละกาไปเรื่อยๆ ชมศิลปะบนผนังของอาคารบ้านเรือน ซึ่งจะมีการทาสีสรรกันอย่างสวยงาม
ขากลับ ผ่าน Photo Spot เลยถ่ายมาอีกสักรูป
โบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ (Church of St. Francis Xanvier) เป็นโบสถ์เก่าแก่ ตัวอาคารเป็นสีเหลือง รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบกอทิก (Gothic style) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1849 ก่อสร้างโดยบาทหลวงฟาร์ฟ (Farve) แต่เหตุที่ชื่อโบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ เพราะ บาทหลวงฟาร์ฟต้องการสร้างอุทิศให้ เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์
ป้าย “WELCOME TO MELAKA World Heritage City” กับ โบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ (Church of St. Francis Xanvier)
ป้าย “WELCOME TO MELAKA World Heritage City” กับ ซากเมืองเก่า
เดินผ่านอาคารสีแดง ที่อยู่ด้านข้างของป้าย “WELCOME TO MELAKA World Heritage City” อาคารสีแดงเหล่านี้ จะเป็นบ้านเรือนบ้าง ร้านค้าบ้าง เป็นเส้นทางที่สามารถเดินไป Dutch Square ได้
สุดถนนก่อนถึง Dutch Square จะเป็นอาคารสีแดงสูง 2 ชั้น สร้างโดยอังกฤษ เพื่อเป็นที่ทำการไปรษณีย์ ปัจจุบันถูกดัดแปลงไปเป็น Malaysia Youth Museum & Melaka Art Gallery
สามล้อแห่งเมืองมะละกา ประดับประดาด้วยดอกไม้ต่างๆ สีสรรสวยงามดี
Queen Victoria’s Fountain น้ำพุหน้าโบสถ์ สร้างในปี ค.ศ. 1904 เป็นน้ำพุที่ทำจากหินอ่อน ชาวมะละกาสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 65 ปี ของพระราชินีวิคตอเรีย ประเทศอังกฤษ
Queen Victoria’s Fountain และ Clock Tower Melaka
Queen Victoria’s Fountain และ โบสถ์คริสต์มะละกา (Christ Church Melaka)
โบสถ์คริสต์มะละกา (Christ Church Melaka) สร้างด้วยอิฐที่นำเข้ามาจากฮอลันดา แล้วฉาบด้วยสีแดง โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1741 และ เสร็จในปี ค.ศ. 1753 รวมใช้เวลาสร้าง 12 ปี
Dutch Square หรือ จตุรัส ดัทช์ เป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยมะละกา ถูกปกครองด้วยฮอลันดา (ฮอลแลนด์) สิ่งก่อสร้างในย่านนี้ จะทาด้วยสีแดง
หอนาฬิกาสีแดง (Clock Tower Melaka) สร้างในปี ค.ศ. 1886 โดย คหบดีชาวจีน ชื่อ ตันกิมเส็ง
ก่อนจะ Check Out ออกจากโรงแรม มาลองทานอาหาร ร้าน Restoran Famosa Chicken Rice Ball ครับ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในการขายข้าวมันไก่ลูกบอล แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นขายด้วยครับ
บรรยากาศภายในร้าน Restoran Famosa Chicken Rice Ball
ข้าวมันไก่ลูกบอล กับ B.B.Q. Pork
B.B.Q. Pork ราคา 9.00 ริงกิต ใช้ได้เลยนะครับ
ข้าวมันไก่ลูกบอล รวมราคา 15.70 ริงกิต ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ
เกี๊ยวน้ำ รสชาติก็ธรรมดามากๆ
กลับมาที่โรงแรมเพื่อ Check Out แล้วเรียก Taxi แถวๆ หน้าโรงแรม ให้ไปส่งที่ สถานีขนส่ง Melaka Sentral และซื้อตั๋วรถโดยสาร เพื่อไปเมืองกัวลาลัมเปอร์ครับ
เคาน์เตอร์สำหรับซื้อตั๋วโดยสาร สำหรับเดินทางไปเมืองต่างๆ ในมาเลเซีย และยังมีตั๋วรถโดยสาร ไปสิงคโปร์อีกด้วย
ชานชลา สำหรับรถโดยสาร ภายในสถานีขนส่ง Melaka Sentral
ใช้เวลาเดินทาง จากเมืองมะละกา ไปเมืองกัวลาลัมเปอร์ ก็ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยรถโดยสาร จากเมืองมะละกา จะมาจอดที่ Terminal Bersepadu Selatan @ Bandar Tasik Selatan (TBS-BTS) เมืองกัวลาลัมเปอร์
สถานีขนส่ง TBS-BTS แห่งนี้ เป็นศูนย์กลางการเดินทางไปเมืองต่างๆ ในมาเลเซีย ที่สถานีขนส่งนี้ จะแบ่งชานชลาออกเป็นขาเข้า และขาออก คล้ายๆ กับสนามบินเลย เดินขึ้นบันไดเลื่อนจากชานชลา ก็จะมาโผล่ที่ชั้น 3 บนชั้น 3 จะเป็นห้องขายตั๋ว และทางเดินไปสถานีรถไฟฟ้า ส่วนชั้น 4 เป็น Food Court และร้านค้า สภาพภายในสถานีขนส่งนี้ จะดูดีกว่าสนามบิน LCCT มาก
จากนั้นเรียก Taxi ไปส่งที่ Traders Hotel by Shangri-La, KL (ค่าโดยสารประมาณ 60 ริงกิต) โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลัง KLCC Park ติดกับ KL Convention Centre ซึ่งค่อนข้างจะสะดวกสบาย สำหรับการมาเดินเที่ยวห้าง Suria KLCC และชมตึกแฝด (Petronas Twin Towers)
โรงแรมที่พัก ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ Traders Hotel by Shangri-La
http://www.wintersea.net/2016/02/traders-hotel-by-shangri-la-kuala-lumpur-malaysia/
บนห้องพักของโรงแรมนี้ จะเห็นวิว Petronas Twin Towers อย่างเต็มตา ไม่มีตึกหรืออาคารใดๆ มาขวางกั้นสายตาเลยครับ
Petronas Twin Towers ตึกแฝดปิโตรนาส คือ อาคาร 88 ชั้น รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือ อาคาร KLCC อาคารแห่งนี้ เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจ จากรูปทรงเรขาคณิตของสถาปัตยกรรมอิสลาม ออกแบบโดย ซีซาร์ เปลลิ สถาปนิกเชื้อสายอาร์เจนตินา-อเมริกัน โดยอีกฝั่งหนึ่งของอาคารนี้ จะติดกับสวน KLCC ที่กินเนื้อที่กว้างขวาง และมีการตกแต่งอย่างสวยงาม
(ที่มา : http://www.tourism.gov.my/th-TH/my/Web-Page/Places/States-of-Malaysia/Kuala-Lumpur/Petronas-Twin-Towers)
ออกจากโรงแรม มาหาของทานกันที่ ห้าง Suria KLCC ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ดูดีทีเดียวเลยครับ
ทานร้านนี้ครับ Madam Kwan’s สาขา Suria KLCC ชั้น 4 เดินไปจองคิวก่อน สักพักก็เรียกครับ ไม่นานมาก
ไก่สะเต๊ะ ราคา 13.90 ริงกิต รสชาติโอเคครับ
Otak Otak เป็นเนื้อปลาคลุกเครื่องแกง ห่อใบตอง ย่างไฟ ราคา 19.50 ริงกิต จานนี้ไม่ชอบเลยครับ
Nasi Lemak ราคา 16.90 ริงกิต จากนี้ชอบมากที่สุดครับ อร่อยดีเหมือนกัน
Curry Laksa ราคา 14.90 ริงกิต
ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาชมการแสดงน้ำพุ ทางด้านหลังห้าง Suria KLCC
ชมน้ำพุสักพัก เดินกลับไปในห้าง Suria KLCC เพื่อทะลุออกไปทางด้านหน้าห้าง ไปชมตึกแฝด Petronas Twin Towers ครับ
ก่อนจะนอน จัดตึก Petronas Twin Towers กับ วิวเมืองกัวลาลัมเปอร์ จากห้องพัก Traders Hotel by Shangri-La กันอีกสักรอบครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมตอนที่ 2 ของการเดินทางไปท่องเที่ยวมาเลย์เซียครับ ตอนที่ 3 จะพาไปชมเมือง Putrajaya ครับ