จังหวัดสตูล เป็นอีกหนึ่งจังหวัดฝั่งอันดามัน ทางภาคใต้ ของประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงทางด้านสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมักนิยมมาวนเวียนไปสัมผัสวิธีชีวิตที่เรียบง่าย ความงดงามทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นท้องทะเล ภูเขา สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่ขึ้นชื่อ จะเป็น เกาะหลีเป๊ะ, เกาะอาดัง, เกาะราวี, เกาะไข่, เกาะหินงาม, เกาะหินซ้อน, อุทยานแห่งชาติตะรุเตา อุทยานแห่งชาติทะเลบัน และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอื่นๆ จะเป็น น้ำตกโตนงาช้าง, ถ้ำภูผาเพชร, ถ้ำเจ็ดคต และถ้ำเลสเตโกดอน
เกาะบุโหลน หรือ เกาะบูโหลน อยู่ห่างจาก ท่าเรือปากบารา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ประมาณ 22 กิโลเมตร เกาะบุโหลนนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ซี่งจะประกอบด้วยเกาะต่างๆ จำนวน 8 เกาะ ได้แก่ เกาะบุโหลนเล เกาะบุโหลนดอน เกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะตงกู เกาะลามา เกาะอายำ เกาะรังนก และ เกาะลูกหิน
คำว่า บูโหลน เพี้ยนมาจาก ภาษามลายู คำว่า “บูโละ” ซึ่งแปลว่า “ไม้ไผ่” เนื่องจาก บนเกาะจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้ไผ่
เกาะบุโหลนเล หรือ บุโหลนใหญ่ มีทิวสนขึ้นอยู่ริมหาดทรายขาว เป็นแนวยาว เสมือนเป็นแนวกำแพงป้องกันภัยทางด้านเหนือและใต้ สามารถกำบังลมได้ดี และมีจุดดำน้ำตื้น และดำน้ำลึกกระจายอยู่หลายจุด เช่น เกาะอายำ และ เกาะหินขาว ยามค่ำคืนบริเวณชายหาด จะมีปูเสฉวน ปูลม ให้ชม
อ่าวหลักๆ บนเกาะบุโหลนเล จะมี
– หาดแพนแซน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะ จะเป็นหาดทรายสีขาวสะอาด ยื่นออกไปในน้ำทะเลสีมรกต มีระดับความลาดเอียงต่ำ ทำให้สามารถเล่นน้ำได้ดี ริมหาดร่มรื่นไปด้วยทิวสน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น บริเวณหน้าชายหาด ที่สวยงามจุดหนึ่ง บนเกาะบุโหลนเล
– อ่าวพังกา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ จะเป็นหาดหินกว้างใหญ่ ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำสักเท่าไหร่ แต่นับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวย และแปลกที่สุดบนเกาะบุโหลนเล จะแบ่งเป็น อ่าวพังกาน้อย และอ่าวพังกาใหญ่
– อ่าวม่วง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ จะเป็นชายหาดเล็กๆ น้ำค่อนข้างนิ่งสงบ เหมาะสำหรับการดำน้ำชมปะการัง
การเดินทางไปเกาะบุโหลนเล สามารถเดินทางไปได้ โดยเรือจากท่าเรือปากบารา มีเรือออกทุกวันในฤดูท่องเที่ยว หากมาเป็นหมู่คณะ สามารถเช่าเหมาเรือหางยาวไปก็ได้
แผนที่เกาะบุโหลนเล
แผนที่บนเกาะบุโหลนเล
http://www.satun.go.th/satun/91000/images/4%20map%20Kohbulon.jpg
วันที่เดินทาง : 13-15/12/2014
ทริปไปเกาะบุโหลนเลทริปนี้ เริ่มต้นเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ไปยัง หาดใหญ่ ด้วยสายการบิน Thai Air Asia เที่ยวบินที่ 3102 เวลาประมาณ 6.30 น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ ประมาณเวลา 8.00 น.
เมื่อถึงสนามบินหาดใหญ่ จะมีเพื่อนที่ตั้งรกรากอยู่หาดใหญ่ ขับรถมารับ แล้วเดินทางไปยังท่าเรือปากบารา จ.สตูล เพื่อไปขึ้นเรือหางยาว ที่เหมาลำเอาไว้ ที่แหลมเต๊ะปัน ซึ่งแหลมต๊ะปันนี้ จะอยู่ใกล้ๆ กับท่าเรือปากบารา โดยรถที่ขับไปนั้น ฝากไว้ที่ร้านค้าแถวๆ แหลมเต๊ะปัน
ใช้เวลาเดินทางไปเกาะบุโหลนเล ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ในระหว่างการเดินทาง ช่วงที่ใกล้ๆ จะถึงเกาะบุโหลนเล ทะเลมีคลื่นลมแรงพอสมควร ทำให้ใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติ
โดยเรือหางยาว จะมาส่งขึ้นเกาะบุโหลนเล ที่อ่าวพังกาน้อย
อ่าวพังกาน้อย อยู่ทางทิศเหนือของเกาะบุโหลนเล ชายหาดส่วนใหญ่ จะเป็นโขดหิน ประกอบด้วยซากปะการัง มีป่ากึ่งดิบชื้นต่อกับป่าชายหาดหย่อมเล็กๆ และมีป่าชายเลนอยู่บนพื้นหิน
มื้อแรก ที่ เกาะบุโหลนเล จะเป็น เส้นใหญ่ราดหน้า
ตามด้วย ของหวาน เป็น โรตี
อ่าวพังกาน้อย ช่วงบ่ายๆ น้ำจะขึ้น ทำให้น้ำทะเลดูสวยงามน่าเล่นเลยทีเดียว
ที่พักของทริปนี้ นอนกันที่ แพนแซนรีสอร์ท (Pansand Resort) ตั้งอยู่ที่บริเวณหาดแพนแซน ไฟฟ้าจะเปิด-ปิดเป็นเวลาครับ ดูรายละเอียดรีสอร์ทที่พัก ได้ที่ http://www.pansand-resort.com/index_th.php
ห้องพัก จะอยู่ริมทะเลของหาดแพนแซน
มื้อเย็นของวันแรก ทานอาหารเย็น กันที่ร้านอาหารของแพนแซนรีสอร์ท
ต้มยำกุ้ง
แพนงไก่
ผัดผักไก่
ยำมะม่วง
ลาบไก่
วันที่สองของทริป ตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่หน้าหาดแพนแซน
บรรยากาศยามเช้า บริเวณหาดแพนแซน
บรรยากาศยามเช้า ภายในที่พัก แพนแซนรีสอร์ท ครับ
มือเช้า ทานอาหารเช้ากันที่ แพนแซนรีสอร์ท
เครื่องปิ้งขนมปังรุ่นคลาสิค
ขนมปังปิ้ง เนย
แฮม ไส้กรอก
ไข่กวน
ไข่ม้วน
ไข่ดาว
ข้าวต้ม
หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ช่วงสายๆ เดินไปอ่าวพังกาน้อย ระหว่างทางจะผ่านโรงเรียนประถมเพียงแห่งเดียว บน เกาะบุโหลนเล
ระหว่างทางแว่บออกไปชม หาดแพนแซน ช่วงบริเวณหน้าโรงเรียนสักหน่อย
อ่าวพังกาน้อย ช่วงสายๆ น้ำลงค่อนข้างมาก จนเห็นได้ว่า ที่อ่าวพังกาน้อย ชายหาดจะเป็นโขดหินเกือบทั้งหมด ถ้าจะเล่นน้ำก็ต้องระวังกันด้วย
ร้านอาหารที่ฝากท้องไว้สำหรับมื้อกลางวัน และเย็น ระหว่างที่พักอยู่บนเกาะบุโหลนเล
จากอ่าวพังกาน้อย เดินไปชมบรรยากาศ อ่าวพังกาใหญ่ ซึ่งจะอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
อ่าวพังกาใหญ่ ชายหาดเป็นโขดหิน คล้ายกับอ่าวพังกาน้อย ป่าชายหาดที่อ่าวพังกาใหญ่นี้ จะประกอบไปด้วย หยีทะเล หูกวาง จิกทะเล เตยทะเล พลับพลึง โกงกางหูช้าง และโพกริ่ง
บริเวณทางด้านทิศตะวันตก มีสถาพเป็นผาหิน และโขดหิด ซึ่งจะพบพืชพวกกระแตไต่ไม้ และเทียนหิน ซึ่งเป็นพรรณไม้หายาก
ส่วนป่าชายเลนหินนั้น มีความหลากหลายน้อยกว่าป่าชายเลนทั่วไปมาก มีโกงกางใบใหญ่ เป็นไม้เด่น และมีโกงกางใบเล็ก แสมดำ และแสมทะเลอยู่บ้าง ในบริเวณนี้ อาจพบนกประจำถิ่นอย่าง นกกินเปี้ยว และนกยางทะเลได้บ่อยๆ
อ่าวพังกาใหญ่ ช่วงสายๆ จะอยู่ในช่วงน้ำลงเหมือนกันกับ อ่าวพังกาน้อย และชายหาดที่อ่าวพังกาใหญ่ ก็จะมีสภาพคล้ายๆ กับ อ่าวพังกาน้อย คือ ชายหาด ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยโขดหิน
Pangka Bay Resort ที่่ อ่าวพังกาใหญ่
อ่าวพังกาใหญ่
แพะ ระหว่างที่เดินกลับจาก อ่าวพังกาใหญ่ ไปยัง อ่าวพังกาน้อย
มาถึง อ่าวพังกาน้อย ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน เติมพลังกันก่อน
อาหารกลางวัน บน เกาะบุโหลนเล ของวันที่สอง ก็จะมี
ไข่เจียว
แกงเหลือง
ปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา
ของหวาน จะเป็น มะม่วง กับ กลัวยหอม
อ่าวพังกาน้อย
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เติมพลังกันแล้ว ก็เดินไปชมบรรยากาศของ อ่าวม่วง กันต่อ
อ่าวม่วง เป็นศูนย์กลางการทำประมงของเกาะ โดยชาวบ้านจะทำประมงโดยใช้เครื่องมือขนาดเล็ก จับสัตว์น้ำชายฝั่งเป็นหลัก พื้นที่รอบนอกของอ่าว เป็นแนวปะการังน้ำตื้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดำน้ำดูปะการังได้
ชุมชนชาวประมง ที่อ่าวม่วง บน เกาะบุโหลนเล
ชายหาดที่อ่าวม่วง จะเป็นหาดทรายแดงๆ ดูแล้ว ไม่ค่อยหน้าเล่นน้ำสักเท่าไหร่
ที่อ่าวม่วงนี้ จะมีท่าเรือสำหรับ Speed Boat ที่มาจากท่าเรือปากบารา มาส่งนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปพักผ่อน ตามที่พัก ตามอ่าวต่างๆ บนเกาะบุโหลนเล
จากอ่าวม่วง ก็เดินกลับมาที่ อ่าวพังกาน้อย เพื่อรับประทานอาหารเย็น มาเที่ยวทริปนี้ กินกันทั้งวันเลยครับ
อาหารเย็น ของวันที่สองนี้ ก็จะมี
ปูนึ่ง
ปลาหมึกชุบแป้งทอด
ปลาหมึกย่าง
แกงปู
ปูผัดผงกะหรี่
ปลาเผา
เช้าวันสุดท้ายของทริป รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็เดินชมบรรยากาศ ของหาดแพนแซน โดยเดินไปทางแหลมสน
Bulone Resort รีสอร์ท บริเวณใกล้ๆ แหลมสน
เดินกลับมาที่แพนแซนรีสอร์ท นั่งรอเรือหางยาว เพื่อกลับไปยังท่าเรือปากบารา
เรือหางยาวที่เหมาลำไว้ จะมารับที่หน้าหาดแพนแซน
เรือหางยาว พาหนะสำหรับเดินไป-กลับ ระหว่าง แหลมเต๊ะปัน และเกาะบุโหลนเล
เมื่อกลับมาถึงฝั่ง จ.สตูล ที่แหลมเต๊ะปันแล้ว ก็ขับรถกลับไปยัง หาดใหญ่ เพื่อนั่งเครื่องบินกลับ กรุงเทพฯ
ระหว่างทาง แวะรับประทานอาหารกลางวัน ที่ ร้านอาหารของ นกน้ำรีสอร์ท จ.สตูล
ยำถั่วพลู
ไข่เจียว
ผัดผักกุ้ง
แกงส้มปลากด
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็ขับรถเข้าไปชมตัวเมืองสงขลากันก่อน
เขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สงขลา มีลักษณะเป็นเนินเขาสูง โดยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต บนยอดเขาตังกวน เป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา โดยบนยอดเขาตังกวนนั้น นับเป็นจุดชมวิวเมืองสงขลาที่สวยงามจุดหนึ่ง
ขับมาทางหาดสมิหลา แวะชม ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ
ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ เป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.สงขลา เป็นโครงการที่เทศบาลนครสงขลาสร้างขึ้นมา เพื่อปรับสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ บริเวณชายหาดสมิหลา ให้ดูสวยงาม และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวเมืองสงขลา
จาก ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ แวะไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ E.P.’s Cafe Patisserie สาขา ซอยราชดำเนิน (หาดสมิหลา)
ภายในร้าน E.P.’s Cafe Patisserie สาขา ซอยราชดำเนิน
เบเกอรี่
ตอนค่ำๆ ก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ แวะรับประทานอาหารเย็นกันที่ ร้านอาหาร แต้เฮี้ยงอิ้ว (ร้านแต้) ถนนนางงาม ร้านนี้ได้เปิดมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว บรรยากาศแลดูแบบเก่าๆ คลาสสิกดีครับ
หมูแดง
ลูกชิ้นปลาลวกราดกระเทียมเจียว
แกงจืด
ปลากระบอกไข่ระเบิดทอด
ผัดเปรี้ยวหวาน (เมนูนี้ไม่แน่ใจครับ)
ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไป สนามบินหาดใหญ่ เพื่อที่จะเดินทางกลับมา กรุงเทพฯ ด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน JT 8541 เวลาประมาณ 22.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง เวลาประมาณ 23.25 น.
เป็นอันจบทริปพักผ่อนชมธรรมชาติ บน เกาะบุโหลนเล ครับ
เกาะบุโหลนเล เป็นเกาะที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนบนเกาะ ไม่มีถนนคนเดิน ไม่มีแสงสีเสียง สงบเงียบเหมาะกับการพักผ่อนมาก มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ไม่ถูกตัดขาดจากสังคมออนไลน์ ส่วนไฟฟ้าตามรีสอร์ท จะมีการเปิด-ปิดเป็นเวลาครับ ใกล้ๆ กับเกาะบุโหลนเล ยังมีจุดดำน้ำตื้นที่น่าสนใจ อยู่ที่ เกาะหินขาว เสียดายที่ครั้งนี้ไม่ได้ไป เนื่องจากช่วงที่ไป ทะเลมีคลื่นลมค่อนข้างแรง
ขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ