Chill Out @ Singapore ตอนที่ 2 เป็นตอนสุดท้ายครับ ซึ่งยังคงเป็นการเที่ยวชมเมืองสิงคโปร์ ในวันที่ 3 กับ 4 ครับ จะพาไปเที่ยวที่ไหน แวะที่ไหนกันบ้าง ลองติดตามดูละกันครับ
วันที่เดินทาง 11-14/07/2013
วันที่ 3 ของทริปนี้ ช่วงเช้า จะพาไปเดินเล่นออกกำลังกายที่ Chinese Garden สวนจีน แห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1975 ออกแบบโดย หยวนเซ็นยู (Yuen Chen Yu) สถาปนิกชาวไต้หวัน โดยใช้สถาปัตยกรรมและทิวทัศน์แบบตอนเหนือของจักรวรรดิจีน เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00 – 23.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม
การเดินทาง ให้นั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Chinese Garden ใช้ทางออก Chinese Garden
ออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า ที่ทางออก Chinese Garden เดินผ่านสนามหญ้า ที่ชาวสิงคโปร์ เอาไว้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นฟุตบอล ออกกำลังกาย
เดินผ่านมาสักพัก ก็จะถึงประตูทางเข้า Chinese Garden ซึ่งจะเป็นประตูทางเข้าสีแดง ต่อด้วยสะพานสีแดงเหมือนกัน จากประตูฝั่งนี้ จะมองเห็น เจดีย์ 7 ชั้น (7 Storey Pagoda) เด่นสง่าภายใน Chinese Garden
แผนที่ภายใน Chinese Garden
จากประตูฝั่งนี้ เข้ามาด้านใน ก็จะเจอ เจดีย์ 7 ชั้น (7 Storey Pagoda) และ รูปปั้นฮีโร่ทั้ง 8 (8 Heroes)
จาก เจดีย์ 7 ชั้น เดินตรงไปจนสุด แล้วเลี้ยวไปทางซ้ายมือ เดินไปเรื่อยก็จะเจอ เจดีย์คู่ (Twin Pagodas)
Stone Boat
ผ่านเจดีย์คู่ไป ก็จะเป็น Garden Courtyard
ภายใน Garden Courtyard
ตรงข้ามกับ Garden Courtyard จะเป็นสะพาน White Rainbow ซึ่งเป็นทางเข้าสวนทางฝั่งตะวันตกของ Chinese Garden
White Rainbow Bridge วันนี้ มีคนมาถ่าย Pre-Wedding กันด้วยครับ
สวนด้านหลัง ของ Garden Courtyard
Garden of Fragrance
Stone Boat จากฝั่งทางด้าน Tea House Pavilion
Tea House Pavilion
Confucius Statue (รูปปั้นขงจื้อ) ขงจื้อ เป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษ
สวนบอนไซ (Bonsai Garden)
เดินวนกลับมาที่เดิม เจดีย์ 7 ชั้น และ รูปปั้น 8 ฮีโร่
Confucius (ขงจื้อ) เป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษ
Qu Yuan (คุกง้วน หรือ ชีหยวน หรือ จูหยวน) กวีผู้รักชาติแห่งรัฐฉู่
Guan Yu (กวนอู) ถูกยกย่องว่า เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์
Hua Mulan (มู่หลาน) เป็นสตรีจีนในสมัยชุนชิว ที่มิได้มีตัวตนทางประวัติศาสตร์มากมายนัก แต่วีรกรรมของนาง ก็มีการเล่าขานกันต่อมาในบทกลอน เพราะเหตุใดจึงถูกบันทึกไว้ในบทกลอน ก็เพราะเหตุที่นางเปลื้องออกซึ่งอัตลักษณ์ของสตรี แต่งตนเป็นบุรุษเพศ ออกสนามรบเพื่อให้บิดาได้อยู่กับบ้าน เพราะถ้านางไม่ไป พ่อก็จะต้องไปแทน และนางก็รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายถึงสิบสองปี จนตราบถึงที่สุด อัตลักษณ์สิบสองปีในฐานะบุรุษห้าวหาญของนาง ก็ถูกทำลายลงด้วยตัวเอง เมื่อสงครามสงบ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นชายอีกต่อไป
Yue Fei (งักฮุย หรือ เยว่ เฟย์) เป็นนักรบกู้ชาติคนสำคัญ มีชื่อเสียงมากผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศจีน มีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ เป็นแม่ทัพ ผู้ต่อต้านการรุกรานของชนเผ่าจิน ถูกใส่ความโดยศัตรูทางการเมืองจนต้องโทษประหารชีวิต หลังจากนั้นจึงได้รับยกย่องเป็นแบบอย่างแห่งความซื่อสัตย์ในวัฒนธรรมจีน
Wen Tianxiang (เหวินเทียนเสียง) ถือเป็นขุนนางและนักกวีผู้มีชื่อเสียงเลื่องระบืออย่างยิ่งในฐานะผู้ยืนหยัดต่อต้านมองโกล และเป็นผู้ที่มีความซื้อสัตย์อย่างยิ่ง
Zheng He (เจิ้งเหอ) มีนามเดิมว่าหม่าซันเป่า คนไทยรู้จักกันดีในนามว่า “ซำปอกง” นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงที่สุด สมัยราชวงศ์หมิงของจีน
Lin Zexu (หลินซีซู) ขุนนางที่เข้ามาทำการปราบปรามฝิ่นในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล
เจดีย์ 7 ชั้น (7 Storey Pagoda)
สถานี Chinese Garden เป็นสถานีที่อยู่บนดินแห่งหนึ่ง ในจำนวนหลายๆ สถานี ที่อยู่นอกเมือง
จาก Chinese Garden จะพาไปเดินชมหมู่บ้านฮอลแลนด์ ที่สิงคโปร์ โดยนั่งรถไฟฟ้า มาลงที่สถานี Holland Village
Holland Village “ชุมชนโบฮีเมีย” (Bohemian enclave) แห่งสิงคโปร์ หมู่บ้านฮอลแลนด์ (Holland Village) แห่งนี้ เป็นเสมือนชีวิตของชาวสิงคโปร์ขนาดย่อส่วน มีการผสมผสานอันน่าทึ่งระหว่างยุคสมัยเก่า และใหม่ มีร้านกาแฟโบราณ และตลาดสดที่แออัดยัดเยียด นอกจากนี้ยังมีบาร์ไวน์ที่หรูหรา และภัตตาคารที่ให้บริการอาคารค่ำชั้นเลิศ
สัญญลักษณ์ของ Holland Village
ร้านค้า ร้านอาหาร ภายใน Holland Village ตอนเย็น ค่ำๆ น่าจะครึ้กครื้นยิ่งกว่านี้
ร้าน Old Chang Kee ร้านขายของทอดชื่อดัง ของสิงคโปร์ ร้านนี้ ตั้งอยู่ภายใน สถานี Holland Village
จาก Holland Village กลับเข้าไปยังโรงแรมที่พัก แล้วออกมาแถว Bugis อีกครั้ง เพื่อทานโรตี มะตะบะ ที่ ร้าน ZAM ZAM (ลงสถานี Bugis ออกทาง Raffles Hospital (Exit B) และเดินไปประมาณ 5-10 นาที)
Sultan Mosque จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ร้าน ZAM ZAM ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ มัสยิดแห่งนี้ ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1928
Singapore Zam Zam เป็นร้านอาหารมุสลิม 2 คูหา 2 ชั้น ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อยู่ตรงข้ามกับมัสยิด Sultan Mosque
เข้าร้านแล้วเดินขึ้นมานั่งทานอาหารที่ชั้น 2 ครับ
ตู้เครื่องดื่มหลากหลายชนิด หลากสีสรร
เครื่องเคียงที่นำมาเสริฟ เป็นน้ำราดแบบต่าง อันบนสุดน่าจะดีสุด
Chicken Briyani ข้าวหมกไก่
Chicken Murtabak มะตะบะไก่
โดยทางร้าน จะมีเมนูอาหาร และราคาติดไว้อย่างชัดเจน ที่กำแพงร้านครับ
สรุปแล้ว อาหารร้านนี้ ค่อนข้างจะจานใหญ่ ใครที่ไม่ค่อยชอบทานอาหารมุสลิม ไม่ชอบเครื่องเทศแรงๆ ไม่แนะนำให้ลอง เลี่ยนมากๆ ทานไม่หมดด้วยครับ
ย่านร้านค้าแถว Arab Street
Sultan Mosque
Haji Lane ถนนสายอาร์ต ที่ได้พาไปชม และเดินเล่นกันแล้ว ในวันที่ 2 ของทริปนี้ครับ
Parkview Square เป็นอาคารสำนักงานในย่าย Bugis ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองก็อทแธมแห่งสิงคโปร์” เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของอาคารนี้คือ รูปปั้น และอนุสาวรีย์ของเหล่าบุคคลสำคัญของโลกในบริเวณ Open Plaza
ร้านค้าแถวย่าน Bugis
จากเดินด้านนอก ร้อนๆ เข้ามาเดินเย็นๆ ชมภายในห้าง Bugis Junction ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่าน Bugis
J.Co Donuts & Coffee ร้านโดนัท สัญชาติอินโดนีเซีย ภายในห้าง Bugis Junction (ณ ตอนนั้น ตอนนี้น่าจะไม่มีสาขานี้แล้ว)
Hi Lychee (1.10 เหรียญ) และ Green Tease (1.10 เหรียญ)
โดนัท กับเครื่องดื่ม ของร้าน J.Co Donuts & Coffee ก็อร่อยดีนะครับ
Tori Q Japanese Yakitori เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่ซื้อมาลองชิมเป็น Chicken Balls (ลูกชิ้นไก่ปิ้ง) กับ Pork (หมูปิ้ง) อร่อยดีครับ
Four Leaves ภายใน Bugis Juction เป็นร้านเบเกอรี่ ของสิงคโปร์ มีเค้กหลายหลายแบบ สีสัน หน้าตาน่าทานมากๆ
ออกจาก Bugis Junction ไปต่อกันที่ Chinatown
นั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Chinatown ออก ทางออก A (Pagoda Street)
Pagoda Street แหล่งของฝากในสิงคโปร์ ย่าน Chinatown
Chinatown Heritage Centre เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมา การใช้ชีวิตของชาวจีนในสมัยอดีต ที่เริ่มเข้ามาตั้งรกรากในสิงคโปร์ ภายในพิพิธภัณฑ์ถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ซึ่งอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้ถูกดัดแปลงมาจาก Shophouse ทั่วไป เปิดให้ชมเวลา 9.00 – 20.00 น. ค่าชม 10 เหรียญ
เดินออกจาก Pagoda Street ไปทางด้านถนน Southbridge
เลี้ยวขวาที่มุม Pagoda Street จะเจอ Sri Mariamman Temple ซึ่งเป็นวัดฮินดู ที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์
ร้านค้าบนถนน Southbridge ย่าน Chinatown ตึกต่างๆ บนถนนนี้ แม้สีสรรจะไม่แรงมาก แต่ก็มีสีสรรบ้างพอสมควร
แวะทานอาหารที่ Maxwell Food Centre ศูนย์อาหารยอดนิยมย่าน Chinatown ภายในศูนย์อาหารจะมีร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง Tian Tian Hainanese Chicken Rice เคยลองทานมานานมากแล้ว ไม่ค่อยชอบ ชอบข้าวมันไก่แบบไทยๆ มากกว่า
ภายใน Maxwell Food Centre
Wu Xiang Guan Chang ร้านขายของทอดในศูนย์อาหาร ร้านนี้ คนขายพูดไทยได้
เติมพลังเสร็จแล้ว ใกล้ๆกับ Maxwell Food Centre จะเป็น Singapore City Gallery ภายในจะจัดแสดงผังเมืองของประเทศสิงคโปร์ เปิดวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 9.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชมฟรี
โมเดลผังเมืองของประเทศสิงคโปร์
ผังเมืองของประเทศสิงคโปร์ยุคแรกๆ
Vibrant Cities
โมเดลผังเมืองของประเทศสิงคโปร์
Periods of Progress
Learning The Fundamentals
Planning Sustainably
Urban Design
Central Area Model โมเดลแสดงผังเมืองของประเทศสิงคโปร์
จากชั้น 2 เดินลงมาชั้น 1 ภายใน Singapore City Gallery จะแสดงผังเมืองของประเทศสิงคโปร์ยุคแรกๆ
ฝั่งตรงข้ามของ Singapore City Gallery จะเป็น Red Dot Museum อาคารพิพิธภัณฑ์สีแดงที่รวบรวมผลิตภัณฑ์แนวความคิดสร้างสรรที่ชนะการประกวด Red dot Awards ซึ่งรางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลระดับโลก และ มีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่เข้าประกวด เปิดวันจันทร์ อังคาร และ ศุกร์ เวลา 11.00 – 18.00 น. วันเสาร อาทิตย์ เปิด 11.00 – 20.00 น. ค่าเข้าชม 8 เหรียญ ไปครั้งนี้ไม่มีโอกาสเข้าชม ครั้งต่อๆไปจะลองหาโอกาสเข้าชมว่าภายในมีอะไรแสดงบ้างครับ
เดินย้อนกลับมาทาง Maxwell Food Centre ฝั่งตรงข้ามของ Maxwell Food Centre จะเป็น
Buddha Tooth Relic Temple (วัดพระเขี้ยวแก้ว) วัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ โดยการออกแบบ จะเป็นแบบ สถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง ด้านในจะมี 4 ชั้น แบ่งเป็นโซนต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาพุทธ
เยื้องๆกับ Buddha Tooth Relic Temple เป็นถนน Erskine Road ย่าน Chinatown เป็นที่ตั้งของโรงแรมเก๋ๆ ที่ชื่อว่า Scarlet ตามแนวถนนนี้ กับ ถนน Ann Siang จะมีร้านน้ำชาเก๋ๆ น่านั่งอยู่หลายร้าน
Sri Mariamman Temple ระหว่างเดินกลับไปที่สถานี Chinatown
ร้านค้าบนถนน Southbridge
Pagoda Street แหล่งของฝากในสิงคโปร์ ของฝากที่นี้ จะมีราคาถูกกว่าที่อื่นครับ
ออกจาก Chinatown ไปนั่งชิงช้า ชมวิวอ่าวมารีน่า กันที่ Singapore Flyer โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Promenade ออก ทางออก A เปิดบริการเวลา 8.30 – 22.30 น. ค่าขึ้นชิงช้า 33 เหรียญ (รูปชุดนี้ มาจากการเดินทางครั้งก่อนหน้านี้ครับ)
จาก Singapore Flyer ไปขึ้นชมวิวอ่าวมารีน่า ในมุมสูงกันที่ Sky Park ชั้นบนของ Marina Bay Sands โดยจาก Singapore Flyer สามารถเดินมา และข้ามสะพาน Helix มายัง Marina Bay Sands ได้ หรือ นั่งรถไฟฟ้า มาลงที่สถานี Bayfront ทางออก C วันจันทร์ถึงพฤหัส เปิดให้บริการ 9.30 – 22.00 น. ส่วนศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เปิดให้บริการ 9.30 – 23.00 น. ค่าขึ้นชมวิว 23 เหรียญ สามารถซื้อตั่วได้ที่ ชั้นใต้ดินของตึก 3 แนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ ก่อนพระอาทิตย์ตก จะได้ชมบรรยากาศได้ทั้ง 2 แบบ (รูปชุดนี้ มาจากการเดินทางครั้งก่อนหน้านี้ครับ)
ภายใน Marina Bay Sands ตึก 3
วิวอ่าวมารีน่า มุมสูง จาก Sky Park
ชมวิวสวยๆกันเรียบร้อยแล้ว เดินออกมาทางด้านหน้า The Shoppes ของ Marina Bay Sands เพื่อชมการแสดง Wonder Full Show การแสดงนี้ ใช้เวลาแสดงประมาณ 15 นาที ไม่เสียค่าชม โดยวันอาทิตย์ ถึง วันพฤหัสบดี จะมี 2 รอบ คือ 20.00 น. และ 21.30 น. ส่วนวันศุกร์ เสาร์ จะมี 3 รอบ คือ 20.00 น., 21.30 น. และ 23.00 น.
จบจากการแสดง Wonder Full ก็ยังอยู่ที่บริเวณริมอ่าวมารีน่า ชมแสงสีเมืองสิงคโปร์ในคำคืนสุดท้ายก่อนกลับ
กลุ่มอาคารสำนักงาน กับ The Fullerton Hotel ริมอ่าวมารีน่า
The Fullerton Hotel
ร้าน Louis Vuitton ริมอ่าวมารีน่า
Marina Bay Sands
The Fullerton Hotel, Esplanade – Theatres on the Bay
Esplanade – Theatres on the Bay
ระหว่างที่เดินเล่นชมวิวอ่าวมารีน่าอยู่นั้น ทางการสิงคโปร์ ได้มีการซ้อมการแสดงพลุ ที่ริมอ่าวมารีน่า ก่อนการแสดงจริงในการเฉลิมฉลองวันชาติสิงคโปร์ ก็ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมวันนี้ มีคนมาจับจองที่ แถวๆ ริมอ่าวเต็มกันไปหมด
หลังจากนั้น เดินข้ามไปยัง Gardens by the Bay เพื่อชมแสงสีของ Supertree ในตอนกลางคืน เดินไปเดินมาหลงหาทางออกไม่เจอ จนมั่วๆออกมาได้ ซึ่งยังไม่เคยได้เข้าไปในช่วงเวลากลางวัน เลยไม่ค่อยรู้ทาง ครั้งหน้าจะเข้าไปสำรวจภายใน Gardens by the Bay กันอีกสักครั้งครับ
Singapore Flyer กับ Supertree บนสะพานระหว่างเดินกลับมายัง Marina Bay Sands
จากนั้นเดินย้อนกลับไปยัง Helix Bridge แล้วไปขึ้นรถไฟฟ้า ที่สถานี Promenade เพื่อเดินทางกลับโรงแรม
วันที่ 4 วันสุดท้ายของทริป ช่วงเช้าไปเดินเล่นแถวๆ บริเวณอ่าวมารีน่า โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Raffles Place ออก ทางออก H เดินไปทาง Singapore River แล้วเดินเลี้ยวไปทาง Fullerton Hotel ลัดเลาะด้านข้างโรงแรม ไปเรื่อยๆ จะเจอถนนใหญ่ ข้ามถนนก็จะเจอ Merlion Park
Singapore Flyer, Art Science Musuem และ Marina Bay Sands
Art Science Musuem และ Marina Bay Sands
(ArtScience Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์แห่งแรกของโลก บนพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 21 แกลอรี่ ภายในอาคาร “รูปกลีบบัว” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง จิตวิญญาณโลกตะวันออกกับตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดแสดงงานที่ครอบคลุมตั้งแต่ ศิลปะและวิทยาศาสตร์, สื่อและเทคโนโลยี รวมไปถึงการออกแบบและสถาปัตยกรรม)
One Fullerton ริมอ่าวมารีน่า บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็น ร้านอาหารวิวอ่าว ในตอนกลางคืน ก็ค่อนข้างจะคึกคักพอสมควร
สิงโตพ่นน้ำ สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ ที่ Merlion Park
เมอร์ไลออน (Merlion) แปลว่า สิงโตทะเล มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ออกแบบขึ้นในปี ค.ศ. 1964 โดยนายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ (Mr.Fraser Brunner) สมาชิกคณะกรรมการฝ่ายของที่ระลึกและผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟ (Van Kleef Aquarium)
Esplanade – Theatres on the Bay เป็นศูนย์แสดงศิลปะ บริเวณริมอ่าวมารีน่า มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย นอกจากเป็นที่แสดงศิลปะ แกลเลอรี่ แล้ว ยังเป็นสถานที่ ที่ใช้ในการจัดแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโอเปรา คลาสิค ป็อป หรืออื่นๆ สถาปัตยกรรมการก่อสร้างของที่นี้ จะมีลักษณะโดดเด่นอยู่ที่ หลังคา ซึ่งความคล้ายคลึงกับหนามทุเรียน ทำให้คนทั่วๆไปนิยม เรียกกันว่า ตึกทุเรียน
หลังจากเดินชมบรรยากาศริมอ่าวมารีน่า ในช่วงเช้ากันแล้ว ก็เดินกลับมาทางโรงแรม Fullerton
Cavenagh Bridge และอาคารสำนักงาน ริมแม่น้ำสิงคโปร์
Kids Jumping in the Singapore River Statue และ Cavenagh Bridge
Cavenagh Bridge
The River Merchants ริมแม่น้ำสิงคโปร์ เป็นรูปปั้นที่แสดงให้เห็นการเจรจาการค้า ระหว่างพ่อค้าชาวจีนและผู้นำขาวมาเลย์ ในระหว่างที่ชาวจีนกับชาวอินเดีย ขนสินค้าขึ้นไปบนเกวียน ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นกันทั่วไป ในยุคสมัยก่อนในประเทศสิงคโปร์
อาคารสำนักงาน และ Boat Quay ริมแม่น้ำสิงคโปร์ บริเวณนี้ ตอนเย็นๆ ถึงกลางคืน จะเต็มไปด้วยร้านอาหาร มีร้านอาหารหลากหลายชนิด อาหารไทย ก็สามารถหาทานได้ที่นี้เช่นกัน
หลังจากนั้น นั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี City Hall ออก ทางออก A แล้วเดินออกมาทางออกถนน Stamford เพื่อไปชมอาคาร สถานที่สำคัญๆ ของประเทศสิงคโปร์
จุดแรก เป็น War Memorial Park บนถนน Stamford อนุสรณ์สงครามพลเรือน จะมีเสาทั้งหมด 4 ต้น ซึ่งเป็นตัวแทนของชนชาติหลักทั้ง 4 ของชาวสิงค์โปร์
แล้วเดินข้ามถนนมาที่ Connaught Drive ก็จะเจอ น้ำพุสไตล์วิคทอเรีย Tan Kim Seng Fountain
ด้านหลังน้ำพุ จะเป็น The Padang ถัดจาก The Padang จะเป็น St. Andrew’s Cathedral
Cenotaph อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงทหาร 124 คนที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลก
Lim Bo Seng Memorial อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง Lim Bo Seng ผู้ซึ่งเป็นวีระบุรุษสงครามของชาวสิงค์โปร์
เดินเลียบแม่น้ำสิงคโปร์มาเรื่อยๆ จะเจอ Asian Civillisations Museum เป็นสถานที่จัดแสดงพัฒนาการทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจตลอดช่วงประวัติศาสตร์จีน และแสดงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเซรามิกหยก รวมทั้งผลงานศิลปะที่ดีที่สุดของจีน วันเสาร์ ถึง วันพฤหัส เปิดบริการ 10.00 -19.00 น. วันศุกร์ เปิดบริการ 10.00 – 21.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม ยกเว้น นิทรรศการพิเศษ จะมีค่าเข้าชมต่างหาก
รูปปั้น ด้านข้าง Asian Civillisations Museum ริมแม่น้ำสิงคโปร์
เดินเลย Asian Civillisations Museum ไป ก็จะเจอ รูปปั้นท่านเซอร์แสตมฟอร์ด แพฟเฟิลส์ (Sir Stamford Raffles Landing Site) ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาของประเทศสิงค์โปร์ ณ ที่ตั้งนี้ เป็นตำแหน่งที่ท่านได้มาเหยียบบนแผ่นดินสิงค์โปร์ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1819 หลังจากนั้น ท่านได้เป็นผู้นำในการพัฒนาเกาะเล็กๆ ให้มีความเจริญก้าวหน้าขึ้นมา
จากนั้น เดินเข้ามาทางถนนใหญ่ จะเจอ Parliament House เป็นอาคารรัฐสภา ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1999
ถัดจาก Parliament House เข้ามา ก็จะเป็น The Art House แต่เดิมเคยใช้เป็นอาคารรัฐสภา ในปัจจุบันเป็นที่สำหรับแสดงงานศิลปะ และดนตรี ด้านหน้าจะมีรูปปั้นช้างที่รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทาน ให้กับประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการระลึกถึงการเสด็จเยือนสิงคโปร์เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1871
เดินออกมาทาง แม่น้ำสิงคโปร์ อีกครั้ง เพื่อเดินกลับไปยัง โรงแรมที่พัก
สะพาน Elgin
รูปปั้นเด็กน้อยกับแมวเหมียว ใกล้ๆ กับร้าน Jumbo Seafood Gallery (The Riverwalk)
เดินลอดใต้สะพานมาทางห้าง Central มาเดินชม Clarke Quay แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนของชาวสิงคโปร์ ในช่วงสายๆ
Read Bridge
Clarke Quay ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็น ห้าง Central
ร้าน Jumbo Seafood สาขา Riverside Point
Clarke Quay
Locks of Love ด้านข้างห้าง Central
ก่อนกลับกรุงเทพ แวะมาทานอาหารที่ Jumbo Seafood Gallery (The Riverwalk) ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ มีเมนูยอดนิยม คือ Chili Crab
การเดินทางมาร้าน Jumbo Seafood สาขานี้ ให้นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Clarke Quay ออก ทางออก F เดินลอดสะพาน Coleman ไปทาง Boat Quay ก็จะเจอร้าน Jumbo Seafood Gallery ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ มื้อนี้หมดไป 143.59 เหรียญ
(Web Site : http://www.jumboseafood.com.sg)
รายการอาหาร ร้าน Jumbo Seafood Gallery
ถั่ว สำหรับทานเล่น จานนี้ ไม่ฟรีนะครับ มีราคา 1.20 เหรียญ
อุปกรณ์ ที่เอาไว้จัดการกับปู
Cha Siew (BBQ Pork) หมูย่าง อร่อยๆ แต่น้อยกว่าที่ฮ่องกงนิดหน่อย ราคา 14.00 เหรียญ
Prawn with Cereal กุ้งทอดนำไปคลุกกับเกล็ดขนมปังผสม Cereal อร่อยดีครับ ราคา 20.00 เหรียญ
Chili Crab ปูผัดพริก ได้กินเนื้อปูนิดหน่อย น้ำที่ราดมาอร่อยมากๆ เอาขนมปังจิ้มกินก็อร่อยแล้วครับ ราคา 56.00 เหรียญ
Mini Bun – Deep Fried เป็นขนมปังเอาไว้จิ้มกับน้ำราด Chilli Crab อร่อยดีครับ ราคา 2.40 เหรียญ
Fried Rice with Seafood ข้าวผัดทะเล รสชาติจืดไปหน่อย ราคา 16.00 เหรียญ
ร้านบะกุ๋ดเต๋ ร้านดังอีกแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ Songfa Bak Kut Teh อยู่แถวๆ Clarke Quay จะอยู่ริมถนน ตรงข้ามกับห้าง Central โดยจะเยื้องไปทางแม่น้ำสิงคโปร์ ร้านนี้เคยกินเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ รสชาติอร่อยเหมือนกันครับ (Web Site : http://www.songfa.com.sg)
ก่อนกลับ แวะซื้อของฝากยอดนิยม ข้าวโพด Garrett Popcorn ที่ Somerset 313 ร้านข้าวโพดคั่ว Garrett Popcorn เป็นร้านที่มาจากอเมริกา รสชาติค่อนข้างหวาน ชอบสุดน่าจะเป็น Macadamia CaramelCrisp
(Web Site : http://www.garrettpopcorn.com)
และแล้ว ก็ได้เวลากลับประเทศไทย โดยออกจาก ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (Changi Airport Singapore (SIN)) เวลา 17.00 น. ด้วยสายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD2936 ถึงสนามบินดอนเมือง (Don Mueang International Airport (DMK)) เวลา 18.55 น.
เป็นอันจบทริป สำหรับการเดินทางไปเดินเล่นชิลๆ ที่ สิงคโปร์ ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ