สิงคโปร์ ประเทศหรือเกาะเล็กๆ อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย และมาเลเซีย เป็นประเทศที่เป็นเป้าหมายแรกๆ ของนักเดินทางท่องเที่ยวที่เริ่มออกเดินทางผจญภัยในต่างแดน
สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีการคมนาคมภายในประเทศสะดวกมากมาย การสื่อสารโดยทั่วไป ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก อาหารของกินหลากหลายอร่อยไม่แพ้ที่อื่นๆ มีวัฒนธรรมหลากหลาย ทั้งวัฒนธรรมจีน อินเดีย มาเลย์ รวมถึงวัฒนธรรมที่มาจากทางตะวันตก ที่สิงคโปร์ จะมีชาวตะวันตกมาทำงานที่นี้เป็นจำนวนมาก เสมือนเป็นศูนย์กลางของบริษัทต่างชาติ ในภูมิภาคเอเเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีห้างสรรพสินค้ามากมาย กระจายอยู่ทั่วในเขตเศรษฐกิจ การเดินทางมาสิงคโปร์ครั้งนี้ นับก็เป็นครั้งที่ 6 แล้ว รีวิวครั้งนี้ เป็นการรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้เดินทางไปเยี่ยมชมมาใน 2-3 ครั้งหลังสุด ทำให้รีวิวนี้อาจจะมีความยาวสักหน่อยนะครับ (รีวิวนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ตอนนะครับ ตอนแรกจะเป็นส่วนของวันที่ 1 และ 2 ส่วนตอนที่ 2 จะเป็นของวันที่ 3 และ 4 ครับ)
วันที่เดินทาง 11-14/07/2013
วันแรก ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง (Don Mueang International Airport (DMK)) เวลา 7.05 น. ด้วยสายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD2939 ถึงท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (Changi Airport Singapore (SIN)) เวลาประมาณ 10.25 น.
เมื่อไปถึงท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (Changi Airport Singapore (SIN)) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาหาซื้อ Internet Sim แบบ Micro Sim ที่ Counter UOB ที่อยู่ภายในสนามบิน (ราคา ณ ตอนนั้น แบบ Micro Sim 18 เหรียญ แบบ Nano Sim ประมาณ 50 เหรียญ) หลังจากนั้น เดินทางเข้าเมือง ด้วยรถไฟฟ้า โดยมาลงที่สถานี Clarke Quay เพื่อ Check In ที่ Fragrance Hotel – Riverside โดยโรงแรมนี้ จะอยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามกับห้าง Central ใกล้ๆโรงแรม ก็จะมีร้านอาหารดังๆ อยู่บ้าง เช่น Songfa Bak Kut Teh และ Jumbo Seafood
หลังจาก Check In เรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเดินเล่น ช็อปปิ้ หาของกิน แถวๆ ถนน Orchard ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งแหล่งใหญ่ ของสิงคโปร์ โดยนั่งรถไฟฟ้า มาลงที่สถานี Orchard และออกมาทางห้าง ION Orchard
ร้าน Awfully Chocolate ภายในห้าง ION Orchard ร้านขาย Chocolate หน้าตาดูน่าทานดีเหมือนกันครับ
ร้าน Mei Heong Yuen Dessert ที่ห้าง ION Orchard ร้านขนมหวานคล้ายน้ำแข็งใส มีทั้งหมด 4 สาขา สาขาแรกและดั้งเดิมจะอยู่ที่ Chinatown (Temple street) สาขาที่ 2 อยู่ใน ION Orchard Unit B4 – 34 (Orchard Road) สาขาที่ 3 อยู่ที่ Chinatown Point Outlet และสาขาล่าสุดอยู่ที่ 321 Clementi Outlet (Web Site : http://www.meiheongyuendessert.com.sg/)
Mango & Strawberry Snow Ice น้ำแข็งใสแบบลูกครึ่ง โดยจะราดน้ำมะม่วงกับน้ำสเตอบอรี่บนน้ำแข็งใส เสริฟพร้อมกับเนื้อมะม่วง กับสเตอบอรี่ด้วย
Durian Snow Ice น้ำแข็งใส ราดด้วยน้ำทุเรียน
หลังจากทานของหวานเสร็จ ก็ออกมาเดินเล่นถ่ายรูป บริเวณริมถนน Orchard
Shaw House ข้างในจะมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Isatan และโรงภาพยนตร์สุดฮิตของสิงคโปร์ Lido มาเปิดให้บริการ
ด้านหน้าห้าง ION Orchard
หุ่นหลากสี ด้านหน้าห้าง ION Orchard
ด้านหน้าห้าง Wisma Atria
ห้าง Ngee Ann City ด้านในจะมี ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง Takeshimaya, ร้าน Kinokuniya ร้านขายหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในแถบอาเซียน
Mandarin Gallery
หลังจากเดินเล่นแถวถนน Orchard สักพัก ก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม
และ ในช่วงเย็น ออกไปทาน บะกุ๋ดเต๋ เจ้าอร่อยเจ้าหนึ่ง ในสิงคโปร์ Ng Ah Sio (Rangoon Road) สาขาที่ไปทานอยู่บนถนน Rangoon นั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Farrer Park ออก ทางออก B เดินไปตามถนนประมาณ 1 ป้ายรถเมล์ บะกุ๋ดเต๋ ร้านนี้ ถือว่ารสชาติใช้ได้ครับ น้ำซุปรสชาติเผ็ดร้อนของพริกไทยดีครับ มื้อนี้หมดไป 25.70 เหรียญ
เมนู, ผ้าเย็น และน้ำจิ้ม
Spare Pork Rib Combo ราคา 7.00 เหรียญ อร่อยดี น้ำซุปเผิดพริกไทยดี ชอบมากๆ
Yiu Chai (Lettuce) ราคา 4.00 เหรียญ
Pork Ribs Soup ราคา 5.50 เหรียญ
หลังจากทานอาหารกันอิ่มแล้ว ไปชม Fountain of Wealth ที่ Suntec City กันครับ โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Esplanade ออก ทางออก A เล้วเดินเข้าไปในตัวตึก Suntec City การแสดงเลเซอร์โชว์ ที่ Fountain of Wealth จะมีประมาณ 3 รอบ คือ 20.00 น., 20.30 น. และ 21.30 น. ไม่เสียค่าเข้าชม
Suntec City เป็นกลุ่มอาคารที่ถูกสร้างขึ้นมา ตามหลักของฮวงจุ้ย ซึ่งกลุ่มอาคาร Suntec City นี้ ถูกสร้างโดยกลุ่มนักธุรกิจชาวฮ่องกง
Fountain of Wealth มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดใหญ่ มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง โดยน้ำพุนี้ ได้ถูกจัดให้เป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงของน้ำพุอยู่ที่ประมาณ 30 เมตร
ขากลับ ก่อนเข้าไปพักผ่อนที่โรงแรม แวะเข้าไปชม Clarke Quay แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิป ของหนุ่มสาวสิงคโปร์ โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Clarke Quay ซึ่งโรงแรมที่พัก ก็ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ นี้เหมือนกันครับ
Clarke Quay ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี ในอดีตบริเวณนี้ จะเป็นท่าเทียบเรือ ที่ใช้การในขนถ่ายสินค้าจากสำเภาโบราณ ที่แล่นมาจากทั้งตะวันออกและตะวันตก โดยทั้งสองฝั่งแม่น้ำ จะเต็มไปด้วยโกดังสินค้า ในปัจจุบันโกดังสินค้าเหล่านั้น ถูกปรับเปลี่ยนปรับปรุงมาเป็น ร้านอาหาร ผับ บาร์ และแหล่งบันเทิง สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน
ลานน้ำพุ ภายใน Clarke Quay
วันที่สองของทริป ออกกำลังกายตอนเช้า ด้วยการออกไปเดินเล่นชมเมือง โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานที่ Bras Basah แล้วค่อยๆ เดินชมอาคารต่างๆ ย้อนกลับมาทางโรงแรมที่พัก
จากสถานี Bras Basah เดินมาที่ National Museum of Singapore (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์) โดย National Museum of Singapore (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์) เปิดให้ชมในเวลา 10.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชมประมาณ 10 เหรียญ
เดินผ่านด้านหน้า National Museum of Singapore ก็จะมาเจอทางเข้า Fort Canning Park
ต้นไม้คู่กันต้นใหญ่ ภายใน Fort Canning Park
เก้าอี้นั่งสิงโต ภายใน Fort Canning Park
ออกจาก Fort Canning Park มาทาง National Museum of Singapore (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์)
จาก National Museum of Singapore เดินข้ามถนนมาทาง Singapore Management University (SMU)
ฝั่งตรงข้าม SMU จะเป็น Singapore Art Museum (SAM) โดยจะเปิดให้ชมในวันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 19.00 น. ยกเว้นวันศุกร์ จะเปิดเวลา 10.00 – 21.00 น. ค่าเข้าประมาณ 10 เหรียญ
สระน้ำ บริเวณด้านหน้า ของ Singapore Management University (SMU) จะมีน้ำพุขนาดเล็กอยู่ตลอดแนวด้านข้าง
Li Ka Shing Library ห้องสมุด ของ Singapore Management University
หลังจากนั้น เดินไปตามถนน Bras Basah ก็จะเจอ Roman Catholic Cathedral of the Good Shepherd ซึ่งเป็นโบส์ถเก่าแก่แห่งหนึ่งในสิงคโปร์ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1847
เดินผ่านทะลุโบส์ถ มาที่ถนน Victoria จะเห็น Chijmes อยู่ฝั่งตรงข้ามโบส์ถ
Chijmes อดีตเป็นโรงเรียนคอนแวนต์สตรี แต่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่มชั้นยอดแห่งหนึ่ง ของสิงคโปร์ มีอาหารหลากหลายชนิด นอกจากนี้ ในตอนกลางคืน ยังมีบาร์ไวน์ ผับ ให้นั่งดื่มกันชิลอีกด้วย
ออกจาก Chijmes เดินไปตามถนน Victoria ต่อด้วยถนน Hill
ผ่าน Singapore Chinese Chamber of Commerce ซึ่งเป็น หอการค้าจีนในประเทศสิงคโปร์
เยื้องๆกับ หอการค้าจีนในประเทศสิงคโปร์ จะเป็น Armenian Apostolic Church of St.Gregory the Illuminator ซึ่งเป็นโบส์ถเก่าแก่แห่งหนึ่งในสิงคโปร์ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1835
ออกจาก Armenian Apostolic Church of St.Gregory the Illuminator ไปตามถนน Hill ก็จะเจอกับ Central Fire Station / Civil Defence Heritage Gallery ซึ่งเป็นห้องจัดแสดงผลงานของหน่วยงานป้องกันฝ่ายพลเรือน (Civil Defence Heritage Gallery) ตั้งอยู่ใจกลางกองดับเพลิง ที่นี้จะมุ่งเน้นให้เห็นถึงความภาคภูมิใจและการพัฒนาอันยาวนานของการป้องกันประเทศ และ กองดับเพลิง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีรถดับเพลิงแบบต่างๆ อุปกรณ์ดับเพลิง เครื่องแต่งกายนักดับเพลิง และฉากการจำลองความช่วยเหลือในสถานการณ์แบบต่างๆ ให้ได้ชมกันอีกด้วย โดยจะเปิดให้ชมวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชมฟรี
ถัดจาก Central Fire Station เข้าไปทางถนน Coleman จะเป็น Singapore Philatelic Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แสตมป์แห่งชาติสิงคโปร์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1997 เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับไปรษณีย์ และ แสตมป์ของประเทศสิงคโปร์ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 -19.00 น. (ยกเว้นวันจันทร์เปิด 13.00 – 19.00 น.) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 5 เหรียญ เด็ก 4 เหรียญ
Freemason Hall & the Masonic Club
เดินย้อนกลับมาทาง Central Fire Station / Civil Defence Heritage Gallery ไปตามถนน Hill อีกครั้ง
MICA Building ความโดดเด่นของตึกนี้ ก็คือ สีสันของหน้าต่าง ทั้งหมด 911 บาน แต่ละบานมีสีสันสดใส ตึก MICA Building นี้ ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ
สะพาน Elgin ระหว่างเดินกลับโรงแรม
Singapore River
ห้าง Central ใกล้ๆ โรงแรมที่พัก
ในตอนบ่ายตั้งใจออกมาทาน โรตี มะตะบะ ที่ ร้าน ZAM ZAM ซึ่งอยู่แถวๆ Bugis โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Bugis ออก ทางออก Raffles Hospital (Exit B) เดินมาประมาณ 10 นาที ก็จะถึง ร้าน ZAM ZAM แต่เมื่อไปถึง ร้านปิดบริการในช่วงบ่าย เลยอดทาน
ฝั่งตรงข้ามร้าน จะเป็น Sultan Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ มัสยิดแห่งนี้ ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1928
ถนนบัสโซราห์ (Bussorah Street) เป็นถนนที่อยู่ด้านหลัง Sultan Mosque
จากถนนบัสโซราห์ เดินมายัง Haji Lane ถนนสายอาร์ต ตั้งอยู่ภายในถนนของชาวอาหรับในประเทศสิงคโปร์ เป็นย่านที่มีชีวิตชีวาที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของอิสลาม สุลต่าน เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ตลาดที่นี้ขายสินค้าราคาถูก เส้นทางทั้งสองข้างทางถนนเอง ก็เต็มไปด้วยสีสัน ลวดลายบนกำแพงสไตล์ Graffiti และมีการออกแบบบ้านที่เป็นเอกลักษณ์
จาก Haji Lane นั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Harborfront ออก ทางออก E และเดินเข้าไปในห้าง Vivo City ขึ้นบันได้เลื่อนไปชั้น 3 เพื่อใช้บริการ Sentosa Express เดินทางข้ามไปยังเกาะ Sentosa (การเดินทางไปเกาะ Sentosa สามารถไปได้ทั้งหมด 4 ทาง คือ Sentosa Express (รถไฟ สามารถใช้ EZ-Link ได้ ประมาณ 4 เหรียญ), Cable Car (กระเช้าลอยฟ้า), รถประจำทาง หรือ ใช้ทางเดิน Sentosa Boardwalk ที่เชื่อมระหว่างตึก Vivo City กับเกาะ Sentosa) ในระยะหลังๆ ที่ไปเกาะ Sentosa มักใช้บริการ Sentosa Express สะดวกดี และไม่แพงด้วย
จากบนห้าง Vivo City จะมองเห็น Resort World Sentosa อยู่ไม่ไกล
สวนหย่อม ที่อยู่บนห้าง Vivo City
นั่ง Sentosa Express ข้ามไปเกาะ Sentosa โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Resort World Sentosa ซึ่งจะต้องลงที่สถานี Waterfront
แผนที่ Resort World Sentosa
เดินลงมาจากสถานี Waterfront ก็จะเจอ Lake of Dreams ซึ่งในตอนกลางคืน ที่ตรงนี้จะมีการแสดงแสงสีเสียง
จาก Lake of Dreams สามารถเดินขึ้นไปด้านบน เพื่อไป Merlion ตัวใหญ่สุด ที่เกาะ Sentosa ได้
ลูกโลก จุดถ่ายรูปยอดนิยม ด้านหน้า Universal Studio Singapore
เข้ามาชมภายใน Universal Studio Singapore กันครับ ค่าเข้าชม 74 เหรียญ (รูปภายใน Universal Studio Singapore เป็นรูปที่ได้เข้าไป ในครั้งก่อนหน้านี้ครับ)
แผนที่โซนต่างๆ ภายใน Universal Studio Singapore
โซน Mardagascar
โซน Far Far Away : Shrek 4-D Adventure
โซน The Lost World
โซน Ancient Egypt
โซน Sci-Fi City
Bumblebee รถยอดนิยม จากภาพยนต์เรื่อง Transformers ในโซน Sci-Fi City
หุ่นยนต์จากภาพยนต์เรื่อง Transformers ในโซน Sci-Fi City
Transformers The Ride ในโซน Sci-Fi City
โซน New York
โซน Hollywood : Mel’s Dinettes
โซน Hollywood
ออกจาก Universal Studio Singapore แล้ว ไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ กันต่อครับ
บริเวณใกล้ๆ กับที่แสดง Crane Dance ในตอนกลางคืน
S.E.A. Aquarium ทางเข้า Aquarium จะอยู่ทางเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์ The Maritime Experiential Museum ค่าเข้าชม 32 เหรียญ ซึ่งจะรวมค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ The Maritime Experiential Museum ไว้ด้วย เปิดให้ชมทุกวันเวลา 10.00 – 19.00 น. ช่วงที่ไปประมาณ 17.00 น ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่คนไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่หลังจากได้เข้าไปชมแล้ว รู้สึกว่า เป็นการเข้าชมแบบเร่งรีบไปหน่อย ถ้าจะให้ดี ควรจะเข้าชมเวลาประมาณ 16.00 – 16.30 น. น่าจะกำลังดี
เดินเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์ The Maritime Experiential Museum กันก่อนครับ
ลงบันไดเลื่อนมาด้านล่าง จะมีส่วนของ Museum ต่อครับ ก่อนที่จะถึงทางเข้าไปใน S.E.A. Aquarium
เข้ามาชมภายใน S.E.A. Aquarium กันครับว่า มีสัตว์น้ำอะไรให้ชมกันบ้าง ซึ่งภายใน S.E.A. Aquarium จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามน่านน้ำทะเล มหาสมุทร ต่างๆ ทั่วโลก อาทิ เช่น Ocean Journey Zone, Open Ocean Zone, Strait of Malacca & Andaman Sea Zone, South China Sea Zone เป็นต้น
แผนที่โซนต่างๆ ภายใน S.E.A. Aquarium
Dolphins @ Dolphin Island
Schooling Fish
Emperor Nautilus @ Ocean Journey Zone
Sea Jellies @ Ocean Journey Zone
Giant Oceanic Manta Ray @ Open Ocean Zone
Open Ocean Zone เป็นตู้ปลาขนาดใหญ่มาก
Schooling Fish
ปลา … @ S.E.A. Aquarium
Copperbanded Butterflyfish
Corals, Fishes and Shutterbugs @ Strait of Malacca & Andaman Sea Zone
Volitan Lionfish (ปลาสิงโต) @ South China Sea Zone
หลังจากชมปลา และสัตว์น้ำต่างๆ แล้ว ตอนเดินออกมาจาก S.E.A. Aquarium ก็จะต้องเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ The Maritime Experiential Museum อีกครั้ง ก่อนที่จะขึ้นบันไดเลื่อน ไปยังทางออกด้านบน
The Forum, Resort World Sentosa
หน้าร้าน Candylicious ที่ Resort World Sentosa
ด้านหน้า Universal Studio Singapore ตอนใกล้มืด
Lake Of Dream
น้ำพุ ระหว่างทางเดินขึ้นไป Merlion ตัวใหญ่ ใน Sentosa
โรงแรมต่างๆ ภายใน Resort World Sentosa
ลานน้ำพุใน Resort World Sentosa ใกล้ๆกับ ทางเข้า Universal Studio Singapore เด็กๆ มักชอบมาเล่นเดินผ่านน้ำกันอย่างสนุกสนาน
การแสดง Crane Dance ที่ Resort World Sentosa โดยจะแสดงทุกวันเวลา 21.00 น. (ยกเว้นวันอังคาร ถึง พฤหัสบดี) ใช้เวลาแสดงประมาณ 10 นาที ไม่เสียค่าชม
จบจากการแสดง Crane Dance มาต่อด้วย การแสดง Lake of Dreams ที่ Resort World Sentosa โดยจะแสดงทุกวันเวลา 21.30 น. ใช้เวลาแสดงประมาณ 10 นาที ไม่เสียค่าชม
เมื่อจบการแสดง Lake of Dreams แล้ว ก็เดินทางออกจาก Resort World Sentosa ซึ่งถ้ากลับในเวลานี้ คนจะเย่อะมาก เสียเวลารอรถ Sentosa Express เพื่อกลับไปยังห้าง Vivo City นานหน่อยครับ
จาก Resort World Sentosa แวะหาติ่มซำทานกันแถวๆ China Town โดยนั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Chinatown ออก ทางออก Pagoda Street แล้วเดินเลี้ยวขวา ไปทาง Temple Street ทะลุไปยัง Smith Street
ร้าน Tak Po ร้านติ่มซำ ที่มีชื่ออีกหนึ่งแห่งใน Chinatown จากการได้ลองชิมดูแล้ว รสชาติก็ธรรมดาๆครับ มื้อนี้หมดไป 23.00 เหรียญ
เมนูติ่มซำ
เมนูอาหารจีน
Mixed Pork Congee
Har Mai
Prawn and Mushroom Dumpling
Mushroom Chicken
Har Gao
China Town ในตอนกลางคืน ร้านขายของยังมีเปิดอยู่อีกหลายร้าน
หลังจากทานติ่มซำแล้ว ก็มาเดินย่อยอาหารกันที่ อ่าวมารีน่า (Marina Bay) โดยนั่งรถไฟฟ้า มาลงที่สถานี Raffles Place ออก ทางออก H เดินไปทาง Singapore River แล้วเดินเลี้ยวขวา ไปทาง Fullerton Hotel ลัดเลาะด้านข้างโรงแรม ไปเรื่อยๆ จะเจอถนนใหญ่ ข้ามถนน ก็จะเจอ Merlion Park
Esplanade – Theatres on the Bay โรงละคร รูปทรงแปลกตา คล้ายๆ หนามทุเรียน
Singapore Flyer และ Marina Bay Sands
Marina Bay Sands โรงแรมระดับ 5 ดาว ริมอ่าวมารีน่า มีทั้งห้างสรรพสินค้า คาสิโน ด้านบนมีจุดชมวิวที่สวยงามจุดหนึ่ง
Wonder Full Show การแสดงส่วนที่เป็นน้ำพุ จะถูกจัดขึ้นที่ฝั่ง Marina Bay Sands โดยในวันอาทิตย์ ถึง วันพฤหัสบดี จะมี 2 รอบ คือ 20.00 น. และ 21.30 น. ส่วนวันศุกร์ เสาร์ จะมี 3 รอบ คือ 20.00 น., 21.30 น. และ 23.00 น. ใช้เวลาแสดงประมาณ 15 นาที ไม่เสียค่าชม
Merlion Park เป็นจุดสัญญลักษณ์ของสิงคโปร์ คือ รูปปั้นสิงโตพ่นน้ำ ริมอ่าวมารีน่า
เมอร์ไลออน (Merlion) แปลว่า สิงโตทะเล มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ออกแบบขึ้นในปี ค.ศ. 1964 โดยนายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ (Mr.Fraser Brunner) สมาชิกคณะกรรมการฝ่ายของที่ระลึกและผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟ (Van Kleef Aquarium)
The Fullerton Hotel เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค
Esplanade – Theatres on the Bay
Singapore Flyer และ Marina Bay Sands
Marina Bay Sands
ลานน้ำพุ ข้างๆ Clifford Pier
The Fullerton Hotel
หลังจากย่อยอาหารด้วยวิวสวยๆ บริเวณอ่าวมารีน่าแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนกันที่โรงแรมที่พักแถวๆ Clarke Quay ครับ
ขอจบรีวิวในตอนแรก สำหรับ 2 วันแรกเพียงเท่านี้ครับ ส่วนตอนที่ 2 จะพาไปไหนบ้าง รอติดตามชมกันนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ